ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ และการมีชีวิตหลังความตาย ชาวไอยคุปต์โบราณให้ความสำคัญเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายอย่างยิ่งยวด พวกเขาพยายามรักษาร่างเพื่อรอวันที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงก่อกำเนิดการคิดค้นเพื่อรักษาสภาพศพให้คงอยู่ดั่งเช่นครั้งยังมีชีวิตและแพร่ขยายไปทั่วทุกชนชั้น ถ้าสามารถมีกำลังเงินมากพอที่จะนำศพไปทำมัมมี่ได้ ในทางกลับกันชาวไอยคุปต์โบราณ เชื่อว่าหากร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ครบองค์ประกอบ ขาดไปเพียงชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือหลายชิ้นก็ตาม นั่นก็หมายความว่าวิญญาณของคนตายไม่สามารถก้าวข้ามประตูแห่งวิญญาณของเทพเจ้าแห่งความตายนั้น ก็คือเทพเจ้าโอซิริส วิญญาณดวงนั้นจะต้องรอคอยจนกว่าชิ้นส่วนของร่างกายที่ขาดหายไปจะอยู่ครบองค์ประกอบเป็นร่างมนุษย์อย่างสมบูรณ์ รอคอยวันแล้ววันเล่าจนกว่าจะมีผู้ใดพบชิ้นส่วนที่ขาดหายไป จึงจะสามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณนั้นให้เดินทางไปสู่ประตูที่จะนำพาดวงวิญญาณไปสู่ดินแดนแห่งความตายนั้นได้ แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าในชนชั้นสูง ดั่งเช่นชนชั้นกษัตริย์ ราชินีและเชื้อพระวงศ์กลับมีเหตุการณ์ ที่ทำให้โลกแห่งความตายต้องเฝ้ามองดวงวิญญาณของเจ้าหญิงผู้อาภัพแห่งอียิปต์ พระนางต้องทนทุกข์ทรมานเพราะคำสั่งที่มิใช่ใครอื่นแต่เป็นพระราชบิดาของพระนางเอง ทำให้ดวงวิญญาณต้องทนทุกข์ทรมาน ถูกสาปแช่งไม่ให้ได้ผุดและได้เกิดตลอดกาลนาน โชคร้ายยังไม่พอชิ้นส่วนของร่างกายยังขาดหายไป ดวงวิญญาณไม่สมประกอบขาดจากการเป็นมนุษย์ ไม่สามารถเดินทางไปยังโลกแห่งความตายได้มานานนับหลายพันปี คำสั่งที่ทำให้พระนางต้องถูกจองจำไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ดวงวิญญาณของพระนาง ได้แต่มองวิญญาณดวงอื่นๆ ผ่านประตูไปสู่โลกแห่งความตายดวงแล้วดวงเล่า พระนางต้องทนทุกข์ทรมานเฝ้ารอคอยและเต็มไปด้วยความหวังที่จะมีใครสักคนมาปลดปล่อยคำสาปที่แสนโหดร้ายนี้ให้แก่พระนางได้ไม่วันใดก็วันหนึ่งตราบเท่าที่กาลเวลายังคงหมุนเวียนอยู่เป็นเช่นนี้ และนี่คือเรื่องราวของเจ้าหญิงเมอริตาเตน เจ้าหญิงผู้ต้องคำสาปจากฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 4 หรือที่รู้จักกันในพระนามอาเคนาเตน แห่งจักรวรรดิอียิปต์ ในราชวงศ์ที่ 18 ยุคทองซึ่งนักโบราณคดีทั่วโลกต่างเรียกยุคนี้ว่า ยุคจักรวรรดิใหม่ยุคทองที่อียิปต์รุ่งเรืองและมั่งคั่ง ซึ่งนับจกราชวงศ์ที่ 18 จนถึงราชวงศ์ที่ 20 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่กล้าลุกขึ้นมาปฏิรูปศาสนาให้ประชาชนหันมานับถือเทพเจ้าเพียงองค์เดียว นั้นก็คือเทพอาเตน ทรงรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จชนิดเผด็จการให้อยู่กับพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น เจตนาเพื่อที่จะล้มล้างอำนาจของนักบวชจากคาร์นัค ซึ่งนับวันยิ่งมีอำนาจล้นเหลือจนกษัตริย์มิอาจต้านทานหรือต่อรองได้ในบางกรณี ทุกสิ่งต้องผ่านพระองค์เท่านั้น จึงทรงเป็นนักบวชซึ่งเป็นสังฆราชไปพร้อมๆ กัน พระองค์ถูกมองว่าเป็นฟาโรห์นอกรีต ผู้คนในยุคสมัยนั้นล้วนแล้วแต่เคียดแค้นและชิงชังกษัตริย์ของตนอย่างยิ่งยวด เป็นที่น่าเสียดายว่าแนวคิดของพระองค์ดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับของนักบวชและประชาชนชาวอียิปต์แต่ในยุคปัจจุบันวงการโบราณคดี ต่างนับถือความคิดอันล้ำหน้าของพระองค์ที่กล้าเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ระดับมหากาฬเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องอันลึกลับและเต็มไปด้วยปริศนาอันมากมายได้เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ไม่ว่าจะเป็นราชินีโฉมงาม พระนางเนเฟอร์ตีติ ซึ่งถูกยกย่องว่าทรงเป็นราชินีที่งดงามมากที่สุดในโลกของยุคโบราณในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเร้นลับแอบแฝงและเงื่อนงำที่ซับซ้อน ชวนให้น่าปวดหัวและต้องขบคิดแตกประเด็นไปต่างๆ นานาเลยทีเดียว และหนึ่งในเรื่องราวที่ถูกปกปิดอย่างลึกลับให้สูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นอกเหนือจาก ปริศนาการหายสาบสูญของฟาโรห์สเมนคาเร ซึ่งเป็นฟาโรห์ที่ลึกลับที่สุดในราชวงศ์ที่ 18 นั้นก็คือ พระบัญชาอันโหดร้ายที่ทำให้พระราชธิดาองค์โต พระนามว่าเมอริตาเตน หรืออีกพระนามว่ามาเคราเตน มเหสีผู้เป็นที่รักของฟาโรห์สเมนคาเร ต้องพบกับจุดจบและได้รับความทุกข์ทรมานทั้งก่อนตายและหลังความตายอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิด