ปัจจุบันยังมีอัญมณีอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยมมานานและมีราคาไม่แพ้อัญมณีที่เป็นแร่และหิน อัญมณีกลุ่มนี้เรียกว่า “อัญมณีอินทรีย์” หรือ “Organic gems” อัญมณีอินทรีย์ หมายถึง อัญมณีที่ได้มาจากสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ ทั้งที่อาศัยบนบกและในน้ำ รวมไปถึงฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตบางชนิดโดยจะต้องมีคุณสมบัติสำคัญอย่างน้อย 2 ประการคือ ความสวยงาม (beauty) และความหายาก (rarity) อำพันจัดเป็นอัญมณีอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วอำพันคือฟอสซิลของยางไม้โบราณที่มีอายุ 20 ล้านปีขึ้นไป ซึ่งยางไม้เหล่านี้เกิดได้จากพืชหลายชนิดอำพันบางเม็ดอาจจะพบซากแมลงหรือซากพืชโบราณฝังตัวติดอยู่ภายในอย่างสวยงาม โดยทั่วไปมักมีสีเหลือง ตั้งแต่เหลืองอ่อน เหลืองทอง เหลืองส้ม ถึงน้ำตาลดำ อาจพบสีขาว สีแดง ได้บ้าง ส่วนสีน้ำเงินหรือสีเขียวพบได้น้อยมาก ในยุคโบราณเชื่อ กันว่าอำพันบรรจุรวมไว้ด้วยพลังสุริยะ สมัยกรีกและโรมันเรียก อัญมณีชนิดนี้ว่า อิเล็กตรอน (elektron) ซึ่งหมายถึง "สิ่งที่เกิดจากดวงอาทิตย์" เพราะเห็นว่าอำพันไม่เพียงแต่มีความแวววาว มันยังมีพลังประจุไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ชาวกรีกเชื่อว่า หากนำอำพันมาทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย พลังจากอำพันจะ ช่วยเสริมสร้างพลังชีวิต และช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ แหล่งที่พบอำพันที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือแถบทะเลบอลติก ซึ่งมีแหล่งสะสมตัวกระจายในหลายประเทศ เช่น ในตะวันตกของคาลินอินกราด (Kaliningrad) ประเทศรัสเซีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย เอสโทเนีย โปแลนด์ ส่วนในแหล่งอื่นๆสามารถพบได้ที่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ อังกฤษ พม่า เลบานอน เม็กซิโก โรมาเนีย เยอรมนี แคนาดา และสาธารณรัฐโดมินิกัน และเมื่อไม่นานนี้มีการค้นพบที่ประเทศพม่า และอินโดนีเซีย อำพันที่พบจากแต่ละแหล่งนั้นมีหลายขนาด รูปร่าง และมีความใสสะอาดแตกต่างกันไป พบได้ตั้งแต่โปร่งใสถึงทึบแสงบางส่วนสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้โดยไม่ต้องปรับปรุงคุณภาพ แต่บางส่วนจะต้องผ่านการปรับปรุงคุณภาพเสียก่อนจึงสามารถนำไปใช้เป็นอัญมณีได้ อำพันส่วนใหญ่มักเจียระไนแบบหลังเบี้ย (Cabochon) อำพันที่มีความใสสะอาดจนสามารถนำมาเจียระไนเป็นเหลี่ยมได้ ขัดมนได้ เงางามดี ส่วนใหญ่มีสีเหลือง ซึ่งจะหาได้ยากและมีราคาแพงมาก ส่วนอำพันนนั้นเกิดเนื่องจากมีฟองอากาศขนาดเล็กอยู่ในเนื้ออำพันจำนวนมาก