เชื่อว่าผู้บริหารระดับเบอร์หนึ่งของหน่วยงาน ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงขององค์กรจำนวนไม่น้อย กังวลอยู่ครามครันกับประเด็นการขาดทักษะการบริหารจัดการงานและการบรหิ ารจดั การคนทำงานของหัวหน้า งาน (Supervisor) รวมจนถึงผู้จัดการที่ขั้นต้นที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง (Promoted) มาใหม่ ไม่ใช่ว่าจะเพราะผู้บริหารเหล่านั้นท่านจะคิดว่าหัวหน้างานและผู้จัดการขั้นต้นนั้นขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเรื่องทำนองนี้หรอกนะครับ หากแต่มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการฝึกฝนอยู่จริงจังต่อเนื่องบนพื้นฐานของประสบการณ์จริง อันควรที่องค์กรจะต้องเตรียมความพร้อมให้การอบรมพัฒนาทักษะทั้งสองด้านเช่นนี้ให้กับหัวหน้ามือใหม่ตั้งแต่ครั้งคราก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่สำคัญนี้ ขณะที่หัวหน้าที่มักมีพื้นฐานความ “เก่งงาน” มากกว่าที่จะ “เก่งคน” ประสบความยุ่งยากไม่น้อยกับการผลักดันการสร้างผลงานตามเป้าหมายได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ตรงเวลาหรือส่งมอบงานที่มีคุณภาพต่อลูกค้าทั้งภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้องได้และองค์กรไม่น้อยจะพบว่าปัญหาเช่นนี้ มีบั้นปลายคือความไม่ราบรื่นของงาน องค์กรหลายแห่งเดินลงสู่ความเสื่อมเพราะหัวหน้าเป็นฝ่ายมีปัญหาเสียเอง แทนที่จะเป็นคนคอยแก้ไขปัญหาและสนับสนุนการทำงานของลูกน้อง จนเผลอไผลไปทำอะไรหลายอย่างที่บั่นทอนขวัญกำลังใจของลูกน้อง เผลอไปท􀄬ำลายวัฒนธรรม และจุดชนวนบรรยากาศการทำงานที่กดดันตึงเครียด พาลไปทำให้เกิดเหตุวุ่นวายหลายเรื่องในหน่วยงานเสียเอง หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์การทำหน้าที่ผู้ปฏิบัติและผู้บริหารด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาบุคลากร กับการเป็นที่ปรึกษาและวิทยากรใน หลักสูตรพัฒนาทักษะหัวหน้างาน (Supervisory Skills Development) หลักสูตรการพัฒนาทักษะการจัดการงานและจัดการคนสำหรับผู้จัดการมือใหม่ (Management Skills Development) ให้กับหลายองค์กร โดยได้นำเอาหัวข้อการเรียนรู้ที่ใช้ประกอบในหลักสูตรทั้งหมดมารวบรวมเขียนไว้ให้อ่านอย่างครบถ้วนในหนังสือเล่มนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านจะพบว่าหัวข้อที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้มีหลากหลายมากที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเวลาที่เป็นวิทยากรให้กับองค์กรใด เราได้ร่วมปรึกษาหารือกับออกแบบ สิ่งที่จะสร้างการเรียนรู้จากโจทย์การพัฒนาหรือปัญหาหัวหน้างาน ที่องค์กรประสบอยู่ทุกครั้ง และเชื่อว่าความหลากหลายของหัวหน้าเช่นนี้เองจะทำให้ท่านผู้อ่านได้ขยาย ขอบข่ายของความรู้และทักษะให้กว้างขวางมากขึ้นเช่นเดียวกันพร้อมกับได้รวบรวมข้อมูลทีเป็นองค์ความรู้มาจากแหล่งที่หลากหลายมาประกอบโดยอ้างอิงแหล่งที่มาให้ถูกแบบและมาตรฐานทางจริยธรรมอันผู้เขียนผลงานพึงปฏิบัติ ท่านผู้อ่านจึงสามารถสืบเสาะเพื่อค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกและขยายความรู้จากต้นฉบับหนังสือที่อ้างอิงได้ แต่กระนั้น ภาษาที่ใช้ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ก็มิได้มีกลิ่นอายในเชิงวิชาการมากนัก ยังคงเน้นให้อ่านง่ายด้วยภาษาเขียนที่ไม่เน้นศัพท์แสงเชิงเทคนิค เว้นไว้แต่ความใดที่หยิบยกมาอ้างอิงเท่านั้น ท่านผู้อ่านจึงทำความเข้าใจได้ไม่ยากอย่างแน่นอน