“จะนอนนับดาวตรงระเบียงบนกระท่อม หรือว่าจะนอนนับดาวบนพื้นทรายดี” สุ้มเสียงที่เอ่ยถามสั่นพร่าตามแรงปรารถนาที่กำลังลุกพล่านทั่วทุกเส้นเลือด เมื่อผิวกายที่มีเสื้อผ้าปกปิดอยู่น้อยชิ้นได้สัมผัสแตะต้องกัน “นายหัว นาราอยากนอนคนเดียว นายหัวปล่อยนาราได้แล้ว” พิมพ์นาราสะดุ้งเฮือก แอบสูดปากเบาๆ ขณะรับรู้ได้ถึงแก่นกายที่ร้อนผ่าวราวกับเหล็กไหล ได้ดุนดันหยอกล้อตรงบริเวณต้นขาอ่อนของเธอ “แต่ผมไม่อยากนอนคนเดียวนี่ ผมอยากนอนนับดวงดาวกับคุณ” นายหัวราเมศวร์เอ่ยค้านเสียงกระเส่า ก่อนจะกดจูบบางเบาไปบนเรียวปากอิ่ม ใช้ปลายลิ้นนุ่มโลมเลียไปตามรูปปากสีหวาน ก่อนจะขบเม้มกัดลงไปเบาๆ จนได้ยินเสียงร้องครวญครางหลุดออกมา “มะ...ไม่เอานายหัว...นาราง่วงแล้วก็เหนื่อยด้วย” ปากบอกว่าเหนื่อย อยากนอนคนเดียว แต่พอนายหัวปลดบิกินีท่อนบนออก พร้อมกับประกบมือใหญ่ร้อนผ่าวกอบกุมดอกบัวเต่งตึงแล้วเคล้นคลึงหนักหน่วง คนที่ร้องว่าเหนื่อยก็สูดปากเบาๆ พร้อมกับบดเบียดเรือนร่างเข้าหากายแข็งแกร่งจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน “ถ้าเหนื่อยมาก เดี๋ยววันนี้ผมจะบริการคุณเอง” นายหัวราเมศวร์เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยต่อรองแบบมีแต่ได้กับได้ “ถ้าบริการได้ถูกใจ ขอทิปเป็นจูบหวานๆ สักสองสามที หากบริการได้ดีเลิศ ขอต่ออีกสักยกสองยกนะนายหญิง” ลำแสงสีนวลของดวงจันทรา ที่สาดส่องอาบร่างอรชรอ้อนแอ้น ซึ่งปราศจากอาภรณ์ปกปิดร่างกาย ช่างดูงดงามเสียยิ่งกว่านางในวรรณคดี นายหัวราเมศวร์หายใจติดขัด ปลายนิ้วสั่นเทา ขณะยกขึ้นสัมผัสใบหน้างามลออ ลำคอระหง ปทุมขาวผ่องอวบอิ่ม และที่สุดท้ายที่มือใหญ่เดินทางไปถึง คือดินแดนแห่งความงดงามของอิสตรีที่ซ่อนความหวานล้ำอยู่ข้างใน... เมื่อน้องชายต้องฆ่าตัวตายเพราะผู้หญิงแพศยา นายหัวราเมศวร์ จึงควานหาหญิงชั่วมารับโทษทัณฑ์ พิมพ์นารา ต้องตกมาเป็นเชลยสวาทของนายหัวราเมศวร์ที่เกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี แต่หญิงสาวหาใช่คนผิดไม่! เธอเป็นแค่เพียงแพะรับบาปในเรื่องนี้เท่านั้น...