เคล็ดลับหนีกรรมแบบถาวร ตามความเป็นจริงแล้วเรื่องของกรรม(การกระทำ) จะมีทั้งทางที่ดีและทางที่ชั่วร้าย ถ้าเราทำกรรมในทางดีก็เรียกว่ากรรมดี แต่ถ้าเราทำกรรมไปในทางที่ชั่วก็เรียกว่ากรรมชั่ว ส่วนผลที่ได้รับจากการกระทำนั้นเรียกว่าวิบากกรรม ผลของกรรม(การกระทำ)นั้นเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจหรือรอบรู้ได้อย่างแจ่มแจ้ง หากจะทำได้ก็คงเป็นเพียงแค่การเทียบเคียงกับหลักธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสเอาไว้หรือเทียบได้กับเรื่องราวตามคำสอนที่พระพุทธองค์ตรัสสอนที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเท่านั้น คำว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง” นั้นโดยความหมายก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า กรรมใดใครก่อตนเองเท่านั้นที่จะได้รับผลของสิ่งที่กระทำ โดยผลกรรมในปัจจุบันนั้นเป็นผลมาจากการกระทำในอดีตและกรรมที่ก่อไว้ในปัจจุบันเป็นเหตุที่จะส่งผลสืบเนื่องต่อไปยังอนาคต ที่สำคัญ คือ กรรมดีและกรรมชั่ว ไม่สามารถลบล้างซึ่งกันและกันได้ !!! อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการทำกรรมดีจะลบล้างกรรมชั่วไม่ได้ก็ตาม หากแต่กรรมดีและคนที่มีพลัง(บุญ)มากๆ ก็จะทำให้ผลจากกรรมชั่วที่มีอยู่เดิมช่วย “ผ่อนหนักให้เป็นเบา” เปรียบดังเช่นน้ำขุ่นข้นหากเติมน้ำบริสุทธิ์ลงไป ถึงแม้ไม่สามารถทำให้น้ำขุ่นกลับมาใสบริสุทธิ์ได้ แต่ก็ทำให้น้ำที่ขุ่นข้นนั้นกลับเจือจางลงและใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างนี้เป็นต้น สำหรับหนังสือเล่มนี้ นอกจากได้รวบรวมเคล็ดวิธีหนีกรรมแบบถาวรแล้วยังมีเคล็ดวิธีแก้กรรมแบบต่างๆเอาไว้เกือบครบถ้วน และท้ายนี้ขอน้อมโมทนาบุญที่จะเกิดแก่หนังสือเล่มนี้แด่ครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ได้เมตตาเคล็ดวิธีเหล่านั้น รวมถึงท่านผู้อ่านทุกท่านที่จะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ที่ได้นำมาขยายธรรมและถ่ายทอดมา ณ โอกาสนี้ ด้วยความปรารถนาดี ธรรมทาน สารบัญ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ประเภทและลักษณะกรรม เคล็ดวิธีหนีกรรมให้พ้นแบบถาวร เคล็ดวิธีหนีให้พ้นวิบากกรรม เคล็ดวิธีหนีกรรมที่ได้ผลที่สุด เคล็ดวิธีหนีกรรมให้พ้นเรื่องหนี้บุญคุณ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ภรรยาหรือสามีและบุตร เคล็ดวิธีหนีกรรมเรื่องความรักความใคร่ เคล็ดวิธีหนีกรรมเรื่องงาน เคล็ดวิธีพ้นกรรมเรื่องหนี้สิน เคล็ดวิธีแก้ไขกรรมแบบต่างๆ เคล็ดวิธีผ่อนกรรมหนักเป็นกรรมเบา เคล็ดวิธีแก้ไขในเรื่องที่ไปบนที่ไม่ได้ไปแก้หรือจำไม่ได้ เคล็ดวิธีการขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร เคล็ดวิธีแก้กรรมจากคดีความและเรื่องเลวร้าย เคล็ดวิธีแก้กรรมที่ทำงานหรือค้าขายเจอแต่อุปสรรค เคล็ดวิธีแก้กรรมที่ทำงานไม่เจริญรุ่งเรืองในอาชีพ เคล็ดวิธีแก้กรรมที่ทำงานดีแต่มีคนคอยกลั่นแกล้งทำให้เดือดร้อนอยู่เสมอ เคล็ดวิธีแก้กรรมที่ทำงานหนักมากแต่ไม่ค่อยได้ผล เคล็ดวิธีแก้กรรมโดนยืมเงินแล้วโดนเบี้ยวเงินตลอด กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง กรรม หมายถึง การกระทำ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งทางที่ดีและทางที่ชั่วร้าย ถ้าทำกรรมในทางดีเราก็เรียกว่ากรรมดี ถ้าเราทำกรรมไปในทางที่ชั่วเราก็เรียกว่ากรรมชั่ว ซึ่งเราต้องเข้าใจให้ถูกต้อง เพราะเรามักเข้าใจผิดกันเสมอว่าเรื่องกรรมนั้นเป็นการทำชั่วเพียงอย่างเดียว ส่วนผลที่ได้รับจากการกระทำนั้นเรียกว่าวิบากกรรม ส่วนผลของกรรมนั้นเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจหรือรอบรู้ได้อย่างแจ่มแจ้ง หากจะทำได้ก็คงเป็นเพียงแค่การเทียบเคียงกับหลักธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสเอาไว้หรือ เทียบได้กับเรื่องราวตามคำสอนที่พระพุทธองค์ตรัสสอนที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเท่านั้นเอง เหตุที่คนเรายังไม่สามารถเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นก็เพราะว่าไม่มีภาพที่ปรากฏให้เห็นได้ชัด แบบทันตาเห็น เช่น การเชื่อว่าชีวิตนี้เกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียวไม่รู้ว่าต่อไปต้องไปเกิดเป็นอะไร มีชีวิตแบบไหนจึงได้ทำทุกอย่างในสิ่งที่ตนเองอยากจะทำเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ กล่าวได้ว่า หากไม่เจอกันจะๆ แบบชนิดที่ว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” สิ่งไหนที่เป็นความสุข สิ่งไหนที่จะได้ก็ขอคว้าไว้ก่อน ชั่วดีอย่างไรก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะไม่เห็นว่าเมื่อชีวิตหรือดวงจิตออกจากร่างของคนๆ หนึ่งไปก็จะไปเป็นอีกร่างหนึ่งได้ เช่นไม่เคยเห็นว่า จิตสามารถลอยออกจากร่างมนุษย์แล้วเข้าไปสู่ร่างของสัตว์ หรือ สัตว์เมื่อตายแล้วดวงจิตจะล่องลอยเข้าสู่ครรภ์ของหญิงคนใดคนหนึ่งเพื่อรอกำเนิดออกมาเป็นคน เป็นต้น ความที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ประกอบกับความไม่เข้าใจในเรื่องกฎแห่งกรรมและการให้ผลของกรรมนี้เองทำให้คนเราไม่เชื่อเรื่องกรรม และไม่กลัวการทำความชั่วว่าการทำความชั่วนั้นจะนำพาจิตไปสู่สภาพที่ต่ำหรือสยดสยอง อย่างเบาก็คือ กลับไปเกิดเป็นมนุษย์ที่มีความทุกข์ยากแสนสาหัส อย่างกลางก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน และอย่างหนักก็คือต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรกในอบายภูมิ ทั้งนี้ ที่คนเรามักพูดกันเสมอว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ก็เพราะการนำภาพที่มองเห็นเพียงแต่ตาเปล่านี่มาตัดสินว่ากฎแห่งกรรมนั้นไม่มีจริงหรือเป็นเรื่องที่เชื่อยากทำความเข้าใจยาก เพราะคนที่ทำไม่ดีแล้วยังมีความสุขมีอำนาจอยู่ในสังคมนี้ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องการทำความดีและความชั่วของคนเรานั้นไม่อาจนับกันเฉพาะช่วงเวลาปัจจุบันที่เรามองเห็นกันเฉพาะหน้าอยู่ได้ เพราะจำนวนการทำความดีและความชั่วของแต่ละคนนั้นไม่ได้ทำกันมาเพียงแค่ครั้งสองครั้ง มันสะสมต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนานและมีความซับซ้อนมากมายจนยากที่สาวไปให้รู้ว่า ก่อนหน้าที่เราจะเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นเราเคยเป็นอะไรมาก่อน และได้ทำอะไรมาบ้างผลกรรมที่ตามมาจึงไม่อาจจะหาหรือรู้สาเหตุที่แท้จริงได้ง่ายนัก คำว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง” นั้นหมายความว่า กรรมใดใครก่อตนเองเท่านั้นที่จะได้รับผลของสิ่งที่กระทำ และผลกรรมในปัจจุบันนั้นเป็นผลมาจากการกระทำในอดีตและกรรมที่ก่อไว้ในปัจจุบันเป็นเหตุที่จะส่งผลสืบเนื่องต่อไปยังอนาคต กรรมดีและกรรมชั่วนั้นไม่สามารถจะลบล้างซึ่งกันและกันได้ อ่านต่อในเล่มครับ.